วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Workshop ครั้งที่ 4 : ฐานข้อมูลในประเทศไทย

1. วิทยานิพนธ์

หัวข้อวิทยานิพนธ์ : การศึกษาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21


Thesis title :  A Study of Execution according to the Principles of Good Governance by Educational Institution Administrators under Office of Secondary Education Service Area 21



ผู้วิจัย : วลัยพรรณ จิตต์วิญญาน



บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล จำแนกตามสถานภาพ ขนาดสถานศึกษาและศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา  เขต 21 กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้แทนครูในคณะกรรมการสถานศึกษา และประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 132 คนได้มาโดยการใช้สถานศึกษาเป็นหน่วยสุ่มกำหนดขนาดโดยใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน(Krejcie and Morgan) และเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย  เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสอบถามมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง .20 ถึง .85 และค่าความเชื่อมั่น .96  สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่  ค่าร้อยละ  ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบเอฟ(One –way ANOVA) และทดสอบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’ )
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับมาก  เรียงลำดับของค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ  หลักคุณธรรม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส และหลักการมีส่วนร่วม
2. สภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีสถานภาพและขนาดสถานศึกษาต่างกันแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 21  หลักนิติธรรม การปฏิบัติงานในสถานศึกษาควรยึดและปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของราชการ หลักคุณธรรม ผู้บริหารสถานศึกษาควรปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นในความถูกต้อง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคลากรในสถานศึกษา หลักความโปร่งใสควรมีการวางแผนการปฏิบัติงานและจัดระบบการตรวจสอบภายในสถานศึกษาให้ชัดเจนและทุกฝ่ายตรวจสอบได้ หลักการมีส่วนร่วมควรส่งเสริมสนับสนุนให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีส่วนร่วมในการบริหารงานตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้ หลักความรับผิดชอบควรมีการจัดองค์กรและโครงสร้างการบริหารงานที่ชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร หลักความคุ้มค่าควรมีการควบคุม กำกับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์

คำสำคัญ : การศึกษาการบริหารงาน, หลักธรรมาภิบาล

วลัยพรรณ จิตต์วิญญาน. (2555). การศึกษาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ของผู้บริหารสถาน                 ศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตร             บัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.


2. รายงานการวิจัย


ชื่อเรื่อง : ทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1

Title : MANAGEMENT SKILLS IN THE 21ST CENTURY OF ADMINISTRATORS IN BASIC EDUCATION SCHOOLS UNDER NAKHONPATHOM PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE 1

ผู้วิจัย : นางศศิตา เพลินจิต

ปีการศึกษา 2558

        วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21 ของ ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำแนก ตามขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำนวน 311 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น 0.98 ค่าสถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า 1. ทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 ในภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ย คือ ด้านภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ รองลงมาคือ ด้านทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม ด้านความยืดหยุ่นและการปรับตัว ด้านการเป็นผู้สร้างหรือผลิตและรับผิดชอบเชื่อถือได้และด้านการ ริเริ่มสร้างสรรค์และการเป็นตัวของตัวเอง 2. การเปรียบเทียบทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา ในภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกัน


3. บทความวิจัยจากวารสาร


ชื่อเรื่อง : ยุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล


ผู้วิจัย : ธํารง รัตนภรานุเดช 



บทคัดย่อ

                การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ 2  ประการคือ 1) ศึกษาสภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล 2)พัฒนายุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถามสภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาไทยตามหลักธรรมาภิบาล กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน กลุ่มผู้บริหารระดับกลาง กลุ่มคณาจารย์และบุคลากรระดับปฏิบัติงาน และกลุ่มนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน วิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโดยการวิเคราะห์เนื้อหาสาระและสถิติเชิงบรรยาย  วิเคราะห์สภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล ต่อจากนั้นใช้เทคนิค SWOT วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล นําาผลการวิเคราะห์มากําาหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล  และตรวจสอบแผนยุทธศาสตร์โดยวิธีการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิผลการวิจัยพบว่า  สภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาลมีการนําาหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยในระดับมากยุทธศาสตร์การนําหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 6  ยุทธศาสตร์ คือ  ยุทธศาสตร์การนําาหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยด้านหลักนิติธรรม ด้านหลักคุณธรรม ด้านหลักความโปร่งใส ด้านหลักการมีส่วน ด้านหลักความรับผิดชอบ และด้านหลักความคุ้มค่า

ธํารง รัตนภรานุเดช. (2555).ยุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล. วารสารครุศาสตร์, ปีที่ 40 ฉบับที่ 1 กรกฎาคม-ตุลาคม 2555, หน้า 59-72.

4. บทความการประชุมวิชาการ


การศึกษาการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู
สังกัดเทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง

 

                     A Study of The Academic Affairs Administration of School Administrators            According to Teachers’ Opinions in Rayong City Municipality,Rayong  Province
                                                                                                                                                      
                                        บทคัดย่อ
         การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดเทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง จำแนกตามสถานภาพของครู โดยใช้วิธีการศึกษาคือการวิจัยเชิงสำรวจกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานครูสังกัดเทศบาลนครระยอง ปีการศึกษา 2557 จำนวน 165 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่น 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า ครูสังกัดเทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง มีความคิดเห็นในการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดเทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง  ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก  และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อันดับที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการวัดและการประเมินผลการศึกษา  รองลงมาคือ ด้านแผนปฏิบัติงานด้านวิชาการ และลำดับสุดท้าย คือ ด้านสื่อการสอน  จากผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ครูที่มีเพศ วุฒิการศึกษาและประสบการณ์การทำงานแตกต่างกัน  มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน  ยกเว้นครูที่มีเพศต่างกัน มีความคิดเห็นด้านการวัดและการประเมินผลการศึกษาแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05  ครูที่มีประสบการณ์ต่างกัน  มีความคิดเห็นในด้านการจัดการเรียนการสอนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.02

คำสำคัญ : การบริหารงานวิชาการ, ผู้บริหารสถานศึกษา 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น