หัวข้อวิทยานิพนธ์ : การศึกษาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21
Thesis title : A
Study of Execution according to the Principles of Good Governance by
Educational Institution Administrators under Office of Secondary Education
Service Area 21
ผู้วิจัย : วลัยพรรณ จิตต์วิญญาน
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล
จำแนกตามสถานภาพ
ขนาดสถานศึกษาและศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้แทนครูในคณะกรรมการสถานศึกษา และประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน
132
คนได้มาโดยการใช้สถานศึกษาเป็นหน่วยสุ่มกำหนดขนาดโดยใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน(Krejcie
and Morgan) และเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
คือแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสอบถามมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง .20 ถึง
.85 และค่าความเชื่อมั่น .96
สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบเอฟ(One –way ANOVA) และทดสอบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่
(Scheffe’ )
ผลการวิจัย
พบว่า
1. สภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 21 พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับมาก
เรียงลำดับของค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ
หลักคุณธรรม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า หลักนิติธรรม
หลักความโปร่งใส และหลักการมีส่วนร่วม
2. สภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 21
ตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีสถานภาพและขนาดสถานศึกษาต่างกันแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
3.
ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต
21 หลักนิติธรรม
การปฏิบัติงานในสถานศึกษาควรยึดและปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของราชการ
หลักคุณธรรม ผู้บริหารสถานศึกษาควรปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นในความถูกต้อง
เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคลากรในสถานศึกษา
หลักความโปร่งใสควรมีการวางแผนการปฏิบัติงานและจัดระบบการตรวจสอบภายในสถานศึกษาให้ชัดเจนและทุกฝ่ายตรวจสอบได้
หลักการมีส่วนร่วมควรส่งเสริมสนับสนุนให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีส่วนร่วมในการบริหารงานตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้
หลักความรับผิดชอบควรมีการจัดองค์กรและโครงสร้างการบริหารงานที่ชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร
หลักความคุ้มค่าควรมีการควบคุม
กำกับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์
คำสำคัญ
: การศึกษาการบริหารงาน, หลักธรรมาภิบาล
วลัยพรรณ จิตต์วิญญาน. (2555). การศึกษาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ของผู้บริหารสถาน ศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตร บัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
2. รายงานการวิจัย
ชื่อเรื่อง : ทักษะการบริหารในศตวรรษที่
21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม
เขต 1
Title : MANAGEMENT SKILLS IN THE 21ST CENTURY OF ADMINISTRATORS
IN BASIC EDUCATION SCHOOLS UNDER NAKHONPATHOM PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA
OFFICE 1
ผู้วิจัย : นางศศิตา
เพลินจิต
ปีการศึกษา 2558
วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทักษะการบริหารในศตวรรษที่
21 ของ ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำแนก ตามขนาดของสถานศึกษา
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด ส
านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำนวน 311 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า
5 ระดับ
มีค่าความเชื่อมั่น 0.98 ค่าสถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่
ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า 1. ทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม
เขต 1 ในภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ย คือ ด้านภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ
รองลงมาคือ ด้านทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม ด้านความยืดหยุ่นและการปรับตัว
ด้านการเป็นผู้สร้างหรือผลิตและรับผิดชอบเชื่อถือได้และด้านการ ริเริ่มสร้างสรรค์และการเป็นตัวของตัวเอง
2. การเปรียบเทียบทักษะการบริหารในศตวรรษที่
21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม
เขต 1 จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา ในภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกัน
3. บทความวิจัยจากวารสาร
ชื่อเรื่อง : ยุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล
ผู้วิจัย : ธํารง รัตนภรานุเดช
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือ 1) ศึกษาสภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล 2)พัฒนายุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถามสภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาไทยตามหลักธรรมาภิบาล กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน กลุ่มผู้บริหารระดับกลาง กลุ่มคณาจารย์และบุคลากรระดับปฏิบัติงาน และกลุ่มนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน วิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโดยการวิเคราะห์เนื้อหาสาระและสถิติเชิงบรรยาย วิเคราะห์สภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล ต่อจากนั้นใช้เทคนิค SWOT วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล นําาผลการวิเคราะห์มากําาหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาล และตรวจสอบแผนยุทธศาสตร์โดยวิธีการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิผลการวิจัยพบว่า สภาพการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยตามหลักธรรมาภิบาลมีการนําาหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยในระดับมากยุทธศาสตร์การนําหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์การนําาหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของไทยด้านหลักนิติธรรม ด้านหลักคุณธรรม ด้านหลักความโปร่งใส ด้านหลักการมีส่วน ด้านหลักความรับผิดชอบ และด้านหลักความคุ้มค่า
4. บทความการประชุมวิชาการ
การศึกษาการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู
สังกัดเทศบาลนครระยอง
จังหวัดระยอง
|
A Study of The Academic Affairs Administration
of School Administrators According
to Teachers’ Opinions in Rayong City Municipality,Rayong Province
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดเทศบาลนครระยอง
จังหวัดระยอง จำแนกตามสถานภาพของครู
โดยใช้วิธีการศึกษาคือการวิจัยเชิงสำรวจกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานครูสังกัดเทศบาลนครระยอง
ปีการศึกษา 2557 จำนวน 165 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่น
0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage)
ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard
Deviation) และสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า ครูสังกัดเทศบาลนครระยอง
จังหวัดระยอง มีความคิดเห็นในการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดเทศบาลนครระยอง
จังหวัดระยอง ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า
อันดับที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการวัดและการประเมินผลการศึกษา รองลงมาคือ ด้านแผนปฏิบัติงานด้านวิชาการ และลำดับสุดท้าย
คือ ด้านสื่อการสอน จากผลการทดสอบสมมติฐาน
พบว่า ครูที่มีเพศ วุฒิการศึกษาและประสบการณ์การทำงานแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครระยอง
จังหวัดระยอง ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน
ยกเว้นครูที่มีเพศต่างกัน มีความคิดเห็นด้านการวัดและการประเมินผลการศึกษาแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ครูที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นในด้านการจัดการเรียนการสอนแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.02
คำสำคัญ
:
การบริหารงานวิชาการ, ผู้บริหารสถานศึกษา